มัวนจารึก



อยากประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ให้สูงสุดให้อ่านม้วนจารึกวันละ 3 ครั้ง
ทำไมต้องอ่านม้วนจารึกวันละ 3 ครั้ง
เราควรเข้าใจการทำงานของสมอง
เพราะการทำงานของสมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้


ความจำระยะสั้น >>> ช่วงเช้า
ความจำระยะยาว >>> ช่วงบ่าย
จำเกี่ยวกับตัวเลข >>> ก่อนนอน

อ่านวันละ 3 ครั้ง
เช้า(อ่านในใจ)
เที่ยง(หลังอาหารกลางวันอ่านในใจ)
เย็น…(ช่วงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าหรือก่อนนอน/อ่านเสียงดัง)

$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

การอ่านม้วนจารึกเป็นการลงโปรแกรมจิตใหม่เป็นการลงโปรแกรมจิตใต้สำนึกของเราใหม่เพื่อเปลี่ยนจากคนล้มเหลวให้กลายเป็นผู้สำเร็จ

10 เดือน
เดือนละ ม้วน

จิตใจของเราเหมือนฮาร์ดแวร์
ม้วนจากรึกของเราคือซ้อฟแวร์มันต้องลงโปรแกรมวันละ 3 ครั้ง เช้า เที่ยง เย็น

การอ่านม้วนจารึกเป็นการโปรแกรมจิตหรือเป็นการสื่อสารระหว่างจิตรู้สำนึกกับจิตใต้สำนึกให้เกิดเป็นหนึ่งเดียวเป็นจิตที่มีเอกภาพเมื่อการสื่อสารนี้ได้ทำเป็นกิจวัตรจะทำให้เกิดสนามจิตและมีพลังกลายเป็นจิตเหนือสำนึก
สามารถสั่งจิตและควบคุมจิตของตัวเองได้นี่คือศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตหรือ NLP ขั้นสูง
คนที่มีจิตเหนือสำนึกที่แก่กล้าสามารถสั่งจิตหรือสะกดจิตคนอื่นได้
การอ่านม้วนจารึกในแต่ละม้วนวันละ 3 ครั้ง เป็นการโปรแกรมจิตใหม่

ม้วนจารึกแต่ละม้วนเปรียบเสมือนซ้อฟแวร์จิตใต้สำนึกของเราและตัวตนของเราคือฮาร์ทแวร์
การอ่านม้วนจารึกอย่างซ้ำๆ วันล่ะ 3 ครั้ง 30-40 วันในแต่ละม้วน

จะทำให้ลิงหรือจิตใต้สำนึกสงบเข้าใจ
จิตใต้สำนึกก็เหมือนยักษ์จีนี่ในตะเกียงวิเศษของอาลาดิน

เมื่อเราสามารถถูมันเหมือนอาลาดินเราก็จะสามารถควบคุมยักษ์ตนนี้ให้เนรมิตทุกอย่างตามที่เราต้องการ

การอ่านม้วนจารึกอย่างซ้ำๆ วันล่ะ 3 ครั้ง 30-40 วันในแต่ละม้วน

จะทำให้ลิงหรือจิตใต้สำนึกสงบเข้าใจ

จิตใต้สำนึกก็เหมือนยักษ์จีนี่ในตะเกียงวิเศษของอาลาดิน

เมื่อเราสามารถถูมันเหมือนอาลาดินเราก็จะสามารถควบคุมยักษ์ตนนี้ให้เนรมิตทุกอย่างตามที่เราต้องการ

เพราะนี่คือกฎของจักรวาลอันเป็นสากล(กฎที่เป็นสากล)
***************************************************
ทำไมต้องอ่านวันละ 3 ครั้ง

"ใส่อะไร ลงในจิต"

....ชายยากจนถามพระพุทธเจ้า. ทำไมผมถึงยากจนนัก แต่เมื่อได้คำตอบกลับแบบนี้ แทบน้ำตาไหล ซึ้งจับจิตจริงๆ

ชายผู้ยากจน ถาม พระพุทธเจ้าว่า :"เหตุ ใด ข้า จึง ยากจน ยิ่งนัก?"
พระพุทธองค์ ตรัสตอบ, "เธอ ไม่รู้จักการให้ และ วิธีให้"

ดังนั้น ชายผู้ยากจน จึงพูดต่อว่า, "ทั้งที่ข้าพระองค์ ไม่มีสิ่งใดให้ นี่ นะ?"

พระพุทธองค์ ตรัสว่า: "เธอนั้น มีอยู่ไม่น้อยเลย"

@ใบหน้า : ซึ่งสามารถให้ รอยยิ้ม,ความสดใส,สดชื่น,เบิกบาน

@ปาก : เธอ สามารถชื่นชม,ให้กำลังใจ หรือ ปลอบประโลม

@ปัญญา: มัน สามารถให้ ความรู้, ให้ แสงสว่างแก่ ผู้คน

@หัวใจ : มัน สามารถเปิดอก กับ ผู้อื่น,ให้ความจริงใจ,ใสบริสุทธิ์, ให้ความเมตตา

@ดวงตา : ที่ สามารถมองดูผู้อื่น ด้วยสายตาแห่งความหวังดี ด้วยความโอบอ้อม อารี

@ ร่างกาย : ซึ่งสามารถ ใช้ เพื่อ ช่วยเหลือผู้อื่น

ฉะนั้น : แท้จริงแล้ว เธอ มิได้ยากจนเลย " ความยากจน ในจิตใจ คือ ความยากจนอันแท้จริง…"

*****************************************************

เทคนิคเพิ่มพลังสมอง 10 เท่า ให้เรียนรู้เร็ว
.
1. เปลี่ยนความคิดจาก Negative >> Positive (มองในแง่บวก)
ทำงานอย่างมีเป้าหมาย : เราต้องทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเป้าหมาย เช่น ก่อนจะอ่านหนังสือก็ต้องรู้ก่อนว่า เรากำลังจะอ่านอะไร อ่านไปเพื่ออะไร อ่านไปเพื่อเข้ามหาลัย อ่านไปเพื่อสอบ เป็นต้น
ต้องรู้ระบบความคิดของเราก่อนว่า ความคิดไหนทำให้เราคิดในทางลบ เช่น เมื่อเราเห็นคนอื่นทำไม่ได้เราจึงคิดว่าเราทำไม่ได้ , เชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะความจำไม่ดี เป็นต้น
ตัดความคิดในทาง Negative ทิ้งแล้วใส่ความคิด Positive ลงไปแทนที่ เช่น คนอื่นทำไม่ได้ช่างเขา เราทำได้ก็แล้วกัน , เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อเราคิดว่าเราทำได้
.
2. หัดผ่อนคลายทั้งกายและใจ จากการทดลองพบว่า คนเราจะเรียนรู้ได้เร็วมีความผ่อนคลายทั้งกายและใจ ดังนั้น เราควรรู้จักผ่อนคลายจิตใจบ้าง เช่น ฝึกโยคะ ฝึกสมาธิ หรือ การสวดมนต์ การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจจะมีส่วนช่วยยับยั้งความคิดในด้านลบ**
.
3. พยายามสังเกตว่าตัวเองเรียนรู้ได้ดีจากสื่อไหน สมองของแต่ละคนมีการทำงานไม่เหมือนกัน ความสามารถในการเรียนรู้ก็ต่างกัน บางคนเรียนรู้ได้
เร็วจากพูดคุยกับผู้อื่น, การอ่าน, การฟัง, ต้องคิดหาตรรกะด้วยตัวเอง, ต้องเห็นด้วยตา, ฟังไม่เข้าใจต้องเขียนหรือดูภาพ หรือบางคนต้องฟังอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น จำเป็นต้องสำรวจตัวเองว่า
รูปแบบการเรียนรู้แบบไหนทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว?
ในช่วงเวลาไหนของวันที่เรามีสมาธิสูงสุด กระตือรือร้นสูงสุด?
.
4. พยายามสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลกับสมอง จะช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างประสิทธิภาพ อาจจะเป็นการตั้งคำถาม , การเปรียบเทียบข้อมูล เพราะ สูงสุดของการเรียนรู้ คือ การนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
.
5. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะทำให้เรามีความแข็งแรง สดชื่น กระตือรือร้นแล้ว เมื่อเราออกกำลังกายนานติดต่อกัน 12 - 20 นาที จะส่งผลให้สมอง function ดียิ่งขึ้น ทำให้สมองทั้ง 3 ส่วน คือ ส่วนซ้าย ส่วนขวา และสมองส่วนกลาง ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างสะดวก ทำให้เราใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้สมองทั้ง 3 ส่วนได้พร้อม ๆ กันในเวลาเดียว
.
6. ควรเข้าใจการทำงานของสมอง การทำงานของสมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้
ความจำระยะสั้น >>> ช่วงเช้า
ความจำระยะยาว >>> ช่วงบ่าย
จำเกี่ยวกับตัวเลข >>> ก่อนนอน
.

การทำงานของสมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้

ความจำระยะสั้น >>> ช่วงเช้า
ความจำระยะยาว >>> ช่วงบ่าย
จำเกี่ยวกับตัวเลข >>> ก่อนนอน

นี่คือสาเหตุที่เราต้องอ่านม้วนจารึกวันละ 3 ครั้ง

*********************************************************************
ม้วนจารึก 1-10


1 ความคิดเห็น:

  1. หาแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว ได้มาเจอในเพจนี้ ดีใจมาก เครื่องมือที่ช่วยให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ จะทำตามที่แนะนำค่ะ ขอบคุณมากๆๆ 💖👍😀

    ตอบลบ

หนังสือเสียงกฎแห่งความสำเร็จ

รวม หนังสือเสียงกฎแห่งความสำเร็จ ตอนที่ 1 -10 หนังสือเสียง...กฎแห่งความสำเร็จ ตอนที่ 1 เรื่อง... “ กฎแห่งความสำเร็จ ”   The Law of s...